การทำ Special Effect ให้กับภาพยนตร์
ภาพยนตร์หรือละครโทรทัศน์ทางทีวีหลายเรื่องในยุคสมัยนี้นั้นไม่ได้เป็นเพียงแต่ละครที่ดำเนินเรื่องไปยังเนิ้บๆ โดยอาศัยจุดเดินเรื่องเป็นเพียงนักแสดงเพียงอย่างเดียวแล้วเท่านั้น เพราะถ้าหากอยากที่จะเพิ่มเติมความน่าสนใจให้กับตัวภาพยนตร์ได้มากกว่าเดิมนั้น ก็จะเป็นการเพิ่มเติม เทคนิคพิเศษ หรือที่เราเรียกกันว่า “Special Effect” หรือจะเป็นแบบที่ทางเหล่านักถ่ายทำภาพยนตร์เรียกกันว่า Visual Effect นั่นเอง ซึ่งการทำเทคนิคพิเศษให้กับภาพยนตร์แบบนี้นั้นมีให้เห็นทั้งหลายๆแบบกันเลยทีเดียว เราจึงจะยกตัวอย่างให้ดู
รถไฟฟ้ามาหานะเธอ : ภาพยนตร์เรื่องนี้เมื่อปี 2552 ถ้าหากว่าใครยังจำกันได้นั้น แม้ว่าโดยรวมแล้วนั้น เนื้อเรื่องก็แทบจะมีแต่คนที่เป็นนักแสดง แต่มันมีฉากที่ใช้เทคนิคการทำ CG หรือ คอมพิวเตอร์กราฟิกอยู่ด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ ฉาก “หล่อทะลุแป้ง” ที่นางเอกของเรื่องนั้นกำลังเคลิ้มและมองดูหน้าของพระเอกที่โดนปะแป้งดินสอพอง แล้วสะเก็ดแป้งบนหน้านั้นปลิวร่อน ออกมาจากผิวหน้านั่นแหละคือการใช้เทคนิคซีจีที่ทำเอาไว้อย่างเนียนมากเลยทีเดียว
แต่ถ้าหากเป็นภาพยนตร์ที่ใช้เทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟิกมากหน่อยนั้นก็จะมีอยู่หลายเรื่องเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ปักษาวายุ เมื่อหลายสิบปีก่อนที่ต้องมีการสร้างโมเดล 3D ออกมาหลายอย่าง ทั้ง ตัวโมเดลของปักษาวายุที่เป็นสิ่งมีชีวิตลักษณะเหมือนนกกึ่งมนุษย์ หรือที่เราเรียกกันว่า พญาครุฑ หรือจะเป็น พญานาค ที่ปรากฏตัวออกมาแค่ฉากเดียว และนอกจากนี้ เฮลิคอปเตอร์อาปาเช่สองเครื่อง หรือฉากยิงด้วยจรวด การต่อสู้กันในฐานใต้ดิน หลายๆฉากนั้นถูกสร้างขึ้นมาด้วยคอมพิวเตอร์ จนถูกยกให้เป็นภาพยนตร์ที่สร้างด้วยระบบดิจิตอลเรื่องแรกๆของไทย
หรือจะเป็นเรื่องที่เป็นตัวเริ่มทำให้คนไทยเริ่มปรับตัวเข้าสู่ยุคของการที่ภาพยนตร์ไทยนั้นจะเป็นจุดที่เปิดโลกสู่ภาพยนตร์ที่ใช้ระบบ Visual Effect เข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้นแล้ว อย่าง “ดงพญาไฟ” นั้นก็ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีการขายด้วยฉาก CG ของสัตว์ร้ายนานาชนิด ไล่ตั้งแต่ ฝูงตัวต่อ ฝูงตะขาบ ฝูงแมงป่อง หรือกระทั่งแมงมุมมีพิษยักษ์ และตัวเอกของเรื่องเลยนั่นก็คือ งูเหลือมยักษ์ในเรื่องที่ทำออกมาได้ดีอย่างมาก
พอหลังจากที่ภาพยนตร์หลายๆเรื่องนั้น ใช้เทคนิค CG เข้ามามีบทบาทมากขึ้นแล้วนั้น ก็เลยส่งผลต่อทางด้านการผลิตละครโทรทัศน์ที่มีบทบาทอย่างมากเลยเช่นกัน ในการทำให้ CG นั้นมีบทบาทในการพัฒนาละครไทยในหลายเรื่องอีกด้วย โดยเฉพาะกับละครที่บุกเบิกในการทำ CG จากช่อง 7 นั้นที่พัฒนาอย่างมากในละครโบราณพื้นบ้านไทยในช่วงเช้า ก่อนที่ละครหลังข่าวของช่อง 7 หลายเรื่องก็ใช้เทคนิค CG เข้ามามีส่วนประกอบอย่างมากหลายต่อหลายเรื่องเลยทีเดียว
เริ่มจากละครอย่าง “อังกอร์” ที่แม้ว่าจะยังไม่ถึงว่า ใช้ CG เต็มรูปแบบในการผลิต แต่ในฉากที่คนกลายร่างเป็นเสือโคร่งนั้นก็ใช้เทคนิค CG ที่เรียกว่าเทคนิค “Morphman” ในการทำฉากที่คนกลายร่างเป็นเสือ หรือเสือกลายร่างเป็นคน ต่อมาก็เป็นยุคที่ละครอย่าง “แม่โขง” ได้ใช้เทคนิคพิเศษทั้งการสร้างหุ่นกล และสร้าง พญานาคจากคอมพิวเตอร์กราฟิกขึ้นมา แม้หลายคนจะมองว่าทำแล้วไม่สมจริง เพราะเรื่องเงินทุนกับการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ในยุคนั้นยังไม่เร็วเท่ากับทุกวันนี้
No comments