การเลือกตัวละครลิขสิทธิ์สำหรับสินค้าของเรา !!
ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ หลายท่านที่เข้ามาอ่านบทความฉบับนี้ จะต้องเป็นผู้ผลิตสินค้าประเภทต่างๆ ออกมาขายอย่างแน่นอน ซึ่งการนำตัวละครการ์ตูนหรือตัวละครที่มีการออกแบบเอาไว้ไปใส่ในตัวสินค้าของเรามักจะเกิดขึ้นกับสินค้าประเภทของเล่น, ของใช้เด็ก, หรือของใช้ช่วงต้นของเหล่าวัยรุ่นต่างๆ โดยผมเชื่อว่าใครก็ตามที่กำลังผลิตสินค้าออกมาขายอยู่ในตอนนี้จะต้องมีการคิดที่จะหาภาพ หรือหาตัวละครชื่อดังมาใส่ในตัวสินค้าของตัวเอง เพื่อเพิ่มยอดขายหรือความน่าสนใจให้กับตัวสินค้าเป็นแน่ แต่เดี้ยวก่อน การนำตัวการ์ตูนหรือตัวละครที่มีการออกแบบเอาไว้มาใส่ในตัวสินค้าจะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่อง “ลิขสิทธิ์” อยู่ โดยตามกฎหมายแล้วเจ้าของลิขสิทธิ์ตัวละครนั้นๆ จะได้รับค่าลิขสิทธิ์จากสินค้าที่เราขายออกไปทุกชิ้น ซึ่งนั่นมีผลเกี่ยวกับรายได้ที่จะได้น้อยลงจนเกิดการขาดทุนขึ้นมาอย่างแน่นอน ดังนั้นวันนี้ผมจึงนำหลักหรือเคล็ดลับในการเลือกตัวละครที่มีลิขสิทธ์มาใส่ในตัวสินค้าให้ได้เกิดประโยชน์สูงสุดมาฝากกัน
จำเป็นเหรอที่ต้องใช้ตัวการ์ตูนที่มีชื่อเสียง ?
สิ่งแรกที่เพื่อนๆ ต้องรู้เอาไว้เลยสำหรับการจะเลือกตัวละครมีชื่อเสียงมาใส่ในสินค้านั่นก็คือ “การเจรจาตกลงเป็นเรื่องที่เคี่ยวมาก” เพราะในการที่เราจะนำตัว ละครซึ่งมีชื่อเสียงมาใส่ในตัวสินค้าของเรา เราจำเป็นต้องเจรจากับ “ตัวแทน” หรือ “บริษัท” ที่ดูแลเกี่ยวกับตัวละครตัวนั้นๆ ก่อน (มีน้อยครั้งมากที่จะได้เจรจากับเจ้าของโดยตรง) ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เชี่ยวในด้านธุรกิจเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นครั้งแรกที่คุณตกลงกับพวกเขา พวกเขาจะถามถึง “ตัวเลขที่แน่นอน” กับเรา ซึ่งตัวเลขชุดนั้นก็คือรายรับที่เขาจะได้จากการขายสินค้าของเรา เพราะฉะนั้นหากเพื่อนๆ มั่นใจว่าการมีตัวละครเหล่านี้มาประดับในสินค้าแล้วจะสามารถสร้างรายได้ให้แก่เราได้มากพอที่จะจ่ายคืนในส่วนทางๆ จนรวมถึงรายได้ที่จะได้รับแล้วละก็ เพื่อนๆ ก็ตกลงกับเขาไปก็น่าจะคุ้มอยู่เหมือนกัน แต่อย่าลืมนะครับหากเพื่อนๆ “เลือกตัวละครที่ไม่มีชื่อเสียงหรือชื่อเสียงน้อย” พวกข้อเสนอต่างๆ จะมีความยืดหยุ่นมากกว่านี้ ซึ่งบ่อยครั้งที่เราไม่ต้องจ่ายค่า MG และเป็นไปได้คือเพื่อนๆ ควรทำทุกอย่างอย่างยุติธรรม แล้วผลที่จะออกมามันจะดีเอง
อย่ายึดติดกับตัวละครที่ปรากฎอยู่ในทีวีเพียงอย่างเดียว
แม้โดยทั่วไปแล้ว ผู้ผลิตส่วนใหญ่จะเลือกตัวละครที่มีชื่อเสียง ซึ่งปรากฎอยู่บน “ทีวี”, “ภาพยนต์”, หรือ “ซีรีย์” เท่านั้น เพราะตัวละครเหล่านี้ล้วนสามารถเข้าถึงและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคได้เป็นบริเวณกว้าง แต่เพื่อนๆ ก็อย่าคิดนะว่า “การมีตัวละครที่มีชื่อเสียงอยู่บนสินค้า จะสามารถเพิ่มยอดขายได้จริงๆ” เพราะสิ่งที่จะเพิ่มยอดขายให้กับเรานั้นก็คือ “ความเหมาะสมในตัวสินค้าที่มีต่ออายุของผู้ใช้งาน และประสิทธิภาพของตัวสินค้านั้นๆ” ดังนั้นสิ่งสำคัญก็คือตัวผลิตภัณฑ์หรือสินค้าของเราจำเป็นต้องทำมาถูกกิจลักษณะ และตรงตามเป้าหมายของอายุผู้ใช้งาน หลังจากนั้นจึงค่อยเลือกตัวละครที่เหมาะสมกับตัวสินค้าและอายุของผู้ใช้งาน
จงเลือกตัวละครให้เหมาะสมกับสินค้าของเรา ไม่ใช่ที่ชื่อเสียง
การเลือกตัวละครได้ไม่เหมาะสมกับตัวสินค้า นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์แล้ว ยังส่งผลให้ “ภาพลักษณ์และศักยภาพของตัวผลิตภัณฑ์สินค้านั้นด้อยค่าลง” ได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องคำนึงถึงก็คือการเลือกตัวละครที่เหมาะสมกับสินค้าของเรา เพื่อเพิ่มความสวยงามให้ตัวสินค้านั้นดูดีมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม ซึ่งนี่ถือเป็นสิ่งที่สำคัญเอามากๆ และเราสมควรตรวจเช็คอย่างละเอียดตั้งแต่ลักษณะกราฟฟิก, การออกแบบ, จนรวมไปถึงชื่อเสียงของตัวละคร ซึ่งถ้าเป็นไปได้เราควรหาศิลปินมาออกแบบตัวละครให้เหมาะกับตัวสินค้าของเราไปเลย โดยถ้าตัวศิลปินยังเป็นคนที่มีชื่อเสียงยังไม่มาก เรื่องลิขสิทธิ์สำหรับฝั่งเราก็จะง่ายขึ้นมากกว่าเดิมอีกด้วย
ทำไมไม่ลองหาตัวละครที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักดูละ ?
ในปัจจุบันนี้มีบริษัท เว็บไซต์ หรือศิลปินที่สามารถทำงานด้านอนิเมชั่นและการออกแบบอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นต่างชื่นชอบการออกแบบตัวละครเป็นชีวิตจิตใจ โดยมีอยู่มากจริงๆ ที่เหล่าตัวละครพวกนั้นมาปรากฎตัวอยู่บนสินค้าประเภทต่างๆ นอกจากนี้หากเราสามารถใช้ประโยชน์จากสืออย่าง YouTube ได้ เราก็จะสามารถค้นหาตัวละครที่เราต้องการผ่านสื่อบน YouTube ได้อีกด้วย เพราะตัวละครที่ปรากฎอยู่บน YouTube บางตัว อาจมีชื่อเสียงที่วัดจากยอดวิวและไลค์ได้ถึงหลักล้าน ดังนั้นนี่จึงเป็นความเสี่ยงที่ดีไม่น้อยทีเดียวสำหรับธุรกิจของเรา
แหล่งที่มา
ข้อมูล media-freaks.com
No comments