10 เทคนิคขอเงินเดือนเพิ่มสำหรับสาย CG Artist โดยเฉพาะ !!

      ” ทำงานมาแรมปีเงินเดือนไม่ขึ้นสักบาท วาดรูปแทบตาย ปั้นโมเดลเป็นหมื่น !! ทำไมฉันไม่รู้สึกคุ้มกับเงินเดือนที่ฉันได้เลย ? คำบ่นและปัญหานี้จะหมดไป กับ 10 ทริคที่จะช่วยให้คุณขอเงินเดือนเพิ่มจากเจ้านายคุณได้ “

บทความนี้ได้ทำการแปลมาจากเว็บไซต์ cgchannel โดยจากการสำรวจในอุตสาหกรรม พบว่า CG Artist หนึ่งในสี่ เชื่อว่าตนเองได้รับค่าจ้างไม่เป็นธรรมอย่างที่ควรจะเป็น Eliott Lilly นักพัฒนาซอฟต์แวร์ AAA เช่น  Software และ Treyarch ได้เผยทริคเคล็ดลับ 10 ข้อในการเจรจาต่อรองเงินเดือนกับเจ้านายในสาย CG Artist โดยเขาได้เขียนไว้ในหนังสือเล่มล่าสุดของเขา “The Big Bad World of Concept Art for Video Games: How to Start Your Career as a Concept Artist” โดยทั้ง 10 ทริคมีรายละเอียดดังนี้

1. ต้องเข้าใจก่อน

• วงการเกมถือเป็นธุรกิจสายหนึ่ง การที่คุณจะประสบความสำเร็จในสายงานนี้ได้ คือคุณต้องมีความคิด ความเข้าใจทางด้านธุรกิจ คุณต้องบอกบริษัทได้ว่า คุณมีประโยชน์อะไรกับบริษํท ? คุณจะสร้างรายได้ให้กับพวกเขาได้อย่างไร ? คุณจะทำอย่างไรเพื่อให้บริษัททำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ? นี่คือคำถามที่คุณควรหาคำตอบให้ได้ก่อนไปสัมภาษณ์ จำไว้ว่าอย่าใช้อารมณ์ และมองมันว่าเป็นเพียงธุรกิจเท่านั้น
• จงจำไว้ว่าอย่าพยายามดราม่า หรือทำให้มันกลายเป้นเรื่องส่วนตัว เช่น ฉันว่า ฉันต้องได้รับค่าจ้างมากขึ้นกว่านี้ หรือ ฉันต้องการมกขึ้นเพื่อซัพพอร์ทครอบครัวของฉันเป็นต้น เพราะการเจรจาแนวนี้ไม่ค่อยได้รับผลลัพธ์ที่ดีซักเท่าไหร่

เจรจากันอย่างเท่าเทียม

• ข้อผิดพลาดที่สุดคือการไม่การเจรจาเกิดขึ้น จำไว้ทางบริษัทมีเรทเงินเดือนในตำแหน่งที่เรากำลังจะสมัครอยู่แล้ว แต่จะพยายามปรับค่าจ้างของคุณให้ได้ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ (เพราะมันเป็นธุรกิจ) โดยทั่วๆ ไป เรทเงินเดือนจะถูกระบุให้คุณได้รับทราบตั้งแต่ต้น แต่บางที่ก็ไม่ได้บอกเช่นกัน หากบริษัทไม่ต้องการเราจริงๆ พวกเขาจะไม่มีการเพิ่มเรทอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เราควรขอเพิ่มอีกอย่างน้อยที่สุด 10%.
• จากรายงานของ IGDA  รายงานว่า ในขณะที่ระดับเงินเดือนพอๆ กันของ ชาย หญิง ผู้หญิงจะมีรายได้น้อยกว่า และในระดับฟรีแลนซ์ เพศหญิงจะได้รายรับที่น้อยกว่าเช่นกัน

3. กำหนดระดับเงินเดือนขั้นต่ำที่เราต้องการ

• เมื่อคุณสามารถกำหนดเรทเงินเดือนที่ต้องการได้แล้ว สิ่งต่อมาที่คุณต้องทำก็คือ การกำหนดคุณภาพของตัวคุณเพื่อสร้างรายได้ให้ถึงในระดับนั้น โดยการคิดเรทเงินเดือนขั้นต่ำ ให้คุณคำนวนจากค่าใช้จ่ายปัจจุบันของตัวคุณ และนำมันมาคิดคำนวนถึงเงินเดือนขึ้นพื้นฐานทั่วไป หรือตามที่บริษัทต้องการ
• หากข้อเสนอของบริษัทมีตัวเลขสูงกว่าที่คุณต้องการ มันย่อมโอเคสำหรับคุณ แต่ถ้าไม่ บอกพวกเขา แต่อย่าบอกว่าเราต้องการเท่าไหร่ ให้พวกเขาเสนอให้เราใหม่เอง

4. ทำการวิจัย

• คุณควรตรวจดูงานที่มีระดับเงินเดือนเดียวกับที่คุณสมัครด้วย การสำรวจถือเป็นสิ่งที่ดี คุณจะได้รู้เรทของค่าจ้างทั่วไป และสามารถบวกเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำของตนเองได้ ถ้าคุณมีความสามารถเพิ่มเติมจากที่คุณสำรวจมา

5. เจรจาต่อรอง ตอนที่เราเข้มแข็งที่สุด

• จงอย่าพูดถึงตัวเลขที่เฉพาะเจาะจง จนกว่าคุณจะรักษาต่ำแหน่งที่คุณต้องการเอาไว้ได้ จงเจรจาเพื่อให้บริษัทรับคุณเข้างาน มันจะดูง่ายกว่า ไม่ว่าเรทเงินเดือนของคุณคือเท่าไหร่ จงบอกพวกเขาอย่างมั่นใจ อย่าพยายามพูดเป้นคำถาม ความไม่แน่ใจในน้ำเสียง จะบ่งชี้ว่าคุณควรได้รับตัวเลขนี้จริงหรือ

6. จงให้บริษัทเสนอข้อเสนอแรกก่อนเสมอ

• ถ้าบริษัทถามคุณว่า คุณมีเงินเดือนที่คาดหวังเท่าไหร่ ? ให้คุณถามกลับว่า งบประมาณสำหรับตำแหน่งงานนี้มีเท่าไหร่ ? วิธีการนี้จะทำให้เรทตัวเลขมันสูงกว่าที่คุณคิด และจงสุภาพเพื่อรอคำตอบ ทั้งนี้เราสามารถบอกได้ว่า ฉันจะพิจารณาข้อเสนอที่ดูเป็นธรรม หรือมีการแข่งขัน จำไว้อย่าหลีกเลี่ยงคำถาม แต่จงสร้างคำตอบที่ดูสร้างสรรค์ และหลากหลาย

7. อย่ารับอะไรตรงๆ 

• ถ้าเป็นไปได้ หลีกเลี่ยงการให้ข้อเสนอ และถ้าเราได้รับข้อเสนอพิเศษ บอกพวกเขาว่าคุณขอคิดดูก่อน เพื่อให้เรามีเวลาคิดว่ามันคุ้มจริงๆ เหรอ

8. เพิ่มข้อเสนอพิเศษกลับไปเสมอๆ

• เริ่มแรกให้ขอบคุณพวกเขาสำหรับข้อเสนอที่พวกเขามอบให้ และระบุว่าคุณอยากร่วมงานกับที่นี่มาก และบอกพวกเขาว่าเรทเงินเดือนที่บริษัทจะให้มันยังน้อยเกินไป ทำให้มันเป้นปัญหาเดียวที่คุณไม่สามารถเข้าร่วมงานด้วยได้ ถ้าการเจรจาเป็นไปด้วยดี คุณจะได้รับเรทเงินเดือนที่สูงขึ้น

9. อย่าเปิดด้วยคำว่า ไม่ ตั้งแต่แรก

• ในหลายๆ ครั้งการเสนอข้อเสนอพิเศษของคุณ จะถูกบริษัทปฏิเสธอยู่เสมอ อย่าไปใส่ใจ และอย่าแสดงความผิดหวังกับมัน ทำตัวให้เป็นมืออาชีพ และอธิบายบริษัทว่า บริษัทจะได้อะไรจากคุณบ้าง ถ้าคุณสามารถดึงพวกเขาได้ โอกาสที่จะจ้างคุณก็จะสูงยิ่งขึ้น

10. นำเสนอจุดแข็งของตัวคุณ

• จำคำถามในข้อแรกได้ไหม ข้อนี้แหละที่คุณจะนำมันมาใช้ เพื่อนำเสนอในสิ่งที่บริษัทจะได้จากคุณ จงบอกเขาว่าคุณเก่ง และถนัดอะไร และจะช่วยอะไรบริษัทบ้าง และหากคุณอยู่ในระดับ Senior จงพูดถึงการช่วยเหลือกันเพื่อสร้างสรรค์ผลงาน และผลงานที่ดีจะสร้างออกมาได้ ไม่ใช่เกิดจากคุณเพียงอย่างเดียว และบอกพวกเขาว่าคุณประสบความสำเร็จ และได้รางวัลอะไรมาบ้าง และถ้าหากคุณพึ่งจบใหม่ หรือเป็นหน้าใหม่ คุณสามารถพูดได้ถึงความหลงใหลในงานที่คุณกำลังจะทำ และจงบอกพวกเขาว่าคุณชอบปัญหา ไม่ใช่เกลียดปัญหา (ซึ่งคุณอาจะได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย)

แหล่งที่มา cgchannel.com/