ภาพยนตร์ไทยกับการผสมผสาน คอมพิวเตอร์กราฟิก
หากว่าเป็นช่วงกลางยุค 90 นั้น แม้ว่าหลายๆประเทศทางซีกโลกตะวันตกหรือกระทั่งประเทศในเอเชียเหมือนประเทศไทยอย่างประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ กำลังพัฒนาวงการภาพยนตร์ให้เป็นในลักษณะแบบดิจิตอลเต็มรูปแบบ เริ่มมีการพัฒนาเทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟิกเข้าไปมากขึ้นกว่าเดิม แต่กระนั้นแล้ว ในประเทศไทยก็ยังจัดว่า ภาพยนตร์ที่ใช้เทคนิคการตัดต่อ 3D Animation เข้าไปในตัวภาพยนตร์ เหมือนจะยังไม่บูม และยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก เนื่องด้วยปัจจัยหลายต่อหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น กระแสของคนที่รู้สึกว่าภาพยนตร์ไทยที่จะเอาเทคนิค 3D มาผสมผสานนั้นไม่ค่อยเข้ากัน บ้างก็ชอบเอาภาพยนตร์ระดับ Hollywood มาเป็นตัวเปรียบเทียบงานทำให้ฝ่ายผลิตนั้นยังไม่กล้าลงมือ กลัวแล้วทำได้ไม่สมจริงก็โดนคนตำหนิมากเข้าไป เสียทั้งความรู้สึกและเสียเวลา บ้างก็ติดที่เรื่องงบประมาณ เพราะภาพยนตร์ที่ใช้การตัดต่อ 3D เข้ามาในฉากนั้นใช้งบประมาณเยอะมากอย่างเช่น คอมพิวเตอร์ที่ประมวลผลในการ Render ได้รวดเร็ว หรือความรู้ในการทำ 3D Animation ที่คนไทยเรายังไม่ค่อยเปิดกว้างมากเท่าไหร่ แต่กระนั้นแล้ว ก็ยังมีภาพยนตร์ไทยในช่วงยุค 2000 เป็นต้นมาหลายต่อหลายเรื่องที่เริ่มต้นในการสร้างภาพยนตร์ที่ใช้เทคนิคพิเศษเหล่านี้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นอยู่หลายเรื่องเช่นกัน แล้วยังจัดว่า ทำออกมาได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ขุนกระบี่ ผีระบาด :

เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกๆที่มีการหยิบเอาเทคนิค3D Animation เข้ามาผสมผสานได้อย่างลงตัวอย่างมากเลยทีเดียว โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ ผีดิบ และงูยักษ์ติดเชื้อ และแน่นอนว่า งูยักษ์ในเรื่องนั้นใช้เทคนิค 3D Animation ในการสร้างขึ้นมา แม้ว่าจะไม่ได้เป็นงานที่ออกมาละเอียด ยังมีงานหยาบอยู่บ้างและการเคลื่อนไหวของคาแรคเตอร์ 3D ยังไม่ไหลลื่น แต่นั่นก็จัดว่าเป็นปฐมบทของการพัฒนาภาพยนตร์สไตล์ 3D ที่เริ่มต้นตั้งไข่ล้มในประเทศไทยแล้วนั่นเอง
ดงพญาไฟ :

เป็นภาพยนตร์ที่ริเริ่มในการเอา CG มาประยุกต์ใช้มากขึ้น โดยเฉพาะการออกแบบและสร้างตัวละครที่เป็นสัตว์ร้ายในฉากหลายฉาก ซึ่งบางฉากนั้นก็ทำออกมาได้ดีมาก ตัวโมเดลของสัตว์ร้ายที่วางลงบนฉากหรือ วางลงบนตัวคาแรคเตอร์มนุษย์ ทีมงานผู้ผลิตนั้นจัดว่าทำการบ้านมาดี ที่ทำความเข้าใจกับลักษณะทางกายภาพของสัตว์และสิ่งมีชีวิตที่ปรากฏในเรื่องอย่างเช่น ตะขาบ , งูเหลือมยักษ์ , ตัวต่อ , แมงป่อง และแมงมุม จัดว่าเป็นภาพยนตร์ที่ทำ CG ได้ดีแม้จะมีปัญหาในเรื่องบทภาพยนตร์
ไกรทอง :

หากว่าเราเคยชมภาพยนตร์ไกรทองในแบบที่แล้วมาหรือเป็นละครโทรทัศน์นั้น สิ่งที่ผู้คนอยากชมก็คือเทคนิคพิเศษที่ตระการตา รวมถึงสัตว์ที่เป็นตัวชูโรงประจำเรื่องอย่าง จระเข้นั่นเอง ซึ่งในเวอร์ชั่นที่ผ่านมานั้น จระเข้จะเป็นหุ่นกลบังคับวิทยุ แต่ในไกรทองเมื่อปี 2001 นั้น จระเข้ ถูกสร้างออกมาเป็นคอมพิวเตอร์กราฟิก รวมถึงการทำฉากที่ไกรทองจุดเทียนระเบิดน้ำเพื่อลงไปช่วยนางเอกของเรื่องก็ใช้เทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟิกเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรกอีกด้วย อาจจะยังไม่ดีมาก แต่ก็เข้าข่ายว่าวงการภาพยนตร์ไทยเริ่มพัฒนา
ปักษาวายุ :

ตามเบื้องหลังการถ่ายทำนั้นระบุว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าเป็น “ภาพยนตร์ดิจิตอลเรื่องแรกของเมืองไทย” เพราะใช้กล้องถ่ายทำรุ่นเดียวกันกับที่ถ่ายทำสตาร์วอร์ส และยังใช้เทคนิค 3D Animation เต็มรูปแบบหลายฉากทั้งการสร้างฉาก และตัวโมเดลของ ปักษาวายุ การสร้าง เฮลิคอปเตอร์ CG รวมถึงฉากแอคชั่นหลายมุมกล้องที่เพิ่มความแปลกใหม่ให้กับตัวภาพยนตร์ แต่เสียอย่างเดียวคือบทภาพยนตร์ที่อ่อนเกินไปจนคนหลายคนระบุว่า CG สวย แต่บทแย่ นั่นเอง
โบอา งูยักษ์ :

จากผลงานของทีมงานที่ทำโฆษณาให้กับกระดาษ Double A ที่เครื่องถ่ายเอกสารแปลงร่างเป็นหุ่นยนต์ ทำให้ทีมงานที่ทำ CG ให้ภาพยนตร์ชุดนี้ ได้รับมอบหมายงานในการทำ CG ให้กับภาพยนตร์งูยักษ์เรื่องนี้ ซึ่งงูในเรื่องเป็นงูหลามขนาดมหึมา แต่หน้าตานั้นค่อนข้างเหมือนการ์ตูนไปพอสมควร การเคลื่อนไหวก็ค่อนข้างผิดธรรมชาติและมีการทำ CG ฉากรัดเฮลิคอปเตอร์และอีกหลายฉากที่ออกจะเกินความจริงไปเสียหน่อย แต่ก็ยังพอจะมีผู้คนมากมายที่พูดถึงภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่เช่นกัน

ไพรรีพินาศ :

เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ใช้ CG ทำตัวละครสัตว์ร้ายออกมามากมายในโทนเดียวกันกับดงพญาไฟ แต่ต่างกันตรงที่ สัตว์ร้ายในเรื่องส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์ในจินตนาการหรือสัตว์ในตำนาน ตามความเชื่อของคนไทยเสียมากกว่าเช่น กินรี , พญานาค , นารีผล , ตุ๊กเข้ , ต่อพญาเสือ แต่ก็ต้องให้การยอมรับว่า บทภาพยนตร์ทีเป็นจุดบอดของเรื่องนี้ กลับถูกกลบลงได้มากพอสมควรด้วยการทำเทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟิกที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดีมากในหลายๆฉากเลยทีเดียว
ปืนใหญ่จอมสลัด :

เป็นภาพยนตร์เมื่อช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และอาจจะได้รับอิทธิพลมาจากภาพยนตร์ระดับ Hollywood อยู่เช่นกัน การทำฉาก CG ของเรือโจรสลัด ฉากวาฬกระโจนเหนือน้ำ ฉากปลากระเบนใต้น้ำ ล้วนแล้วแต่เป็นเทคนิคการทำออกมาด้วยคอมพิวเตอร์กราฟิกเช่นกัน งาน 3D Animation ของไทยเริ่มพัฒนาและบูมมากขึ้นเรื่อยๆตามลำดับจนตอนนี้นั้น การพัฒนาภาพยนตร์ไทยนั้น ขาดในเรื่องของการทำ CG ไม่ได้เลยจริงๆ แต่ประเทศไทยก็เริ่มผลิตนักศึกษาจบใหม่ที่เรียนด้าน Computer 3D Animation ออกมามาก ก็จะเป็นกำลังสำคัญให้กับวงการเทคนิคพิเศษได้แน่นอน
No comments